ภัยเงียบของเหล่าบล็อคเกอร์ออนไลน์ ตอนที่ 2
จากตอนที่แล้ว ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการถูกฟ้องร้องจากการใช้รูปภาพบนอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิดมาก
บทความในตอนที่ 2 นี้จะแนะนำพวกคุณว่า “โพสต์อย่างไรให้ไม่โดนฟ้อง” ค่ะ 😀
1. หากคุณกำลังใช้รูปภาพโดยไม่ได้รับคำอนุญาต คุณกำลังละเมิดลิขสิทธิ์และอาจโดนฟ้องได้ !
ถามว่าโอกาสโดนสูงไหม? อาจจะไม่นะคะ แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็น โอกาสโดนมีไหม? ตอบได้เลยว่าช่ายย (ฉันโดนมาแล้ว >_<) เพราะฉะนั้น การพิจารณาตรวจทานเว็บและลบรูปที่ไม่ใช่ของเราจึงเป็นสิ่งที่แนะนำให้ทำอย่างยิ่ง
2. หารูปภาพจากแหล่งที่อนุญาตให้เราใช้ได้
- หาภาพที่เป็นของ Creative Commons
คุณสามารถหาภาพที่สามารถนำไปใช้งานได้ฟรีๆ ในเว็บที่ร่วมกับcreative commons ถึงแม้ว่าบางที่อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ภาพที่อยู่ในเว็บพวกนี้เป็นภาพที่ใช้งานได้และถ้าหาดีๆก็จะมีภาพเจ๋งๆอยู่เยอะแยะเชียว แต่อย่างไรก็ดี คุณยังควรที่จะให้เครดิตเจ้าของภาพ และลงลิงค์ไปยังเว็บต้นแหล่งเสมอ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Creative Commonsฉันแนะนำให้คุณอ่านบทความของ Meghan ดู เพราะเธอเขียนไว้ได้อย่างละเอียดเลยทีเดียว รวมถึงยังมีแหล่งหาภาพฟรีอื่นๆอีกด้วย - Wikimedia Commons เว็บนี้เป็นแหล่งรวมไฟล์มัลติมีเดียที่ใครสามารถนำไปใช้ก็ได้ กฎในการใช้ก็คล้ายๆกับ Creative Commons
- สมัครแพคเกจของเว็บที่เก็บรูปภาพ เช่น Shutter Stock, Getty Image เป็นต้น ถึงแม้ว่าราคาอาจจะแพง แต่คุณก็สามารถเข้าไปใช้ ไปโหลดรูปได้ทั้งปี ตัวอย่างการสมัคร
- ใช้ภาพจาก Public Domain
3. ลงรูปที่คุณถ่ายเอง และแบ่งปันคนอื่นๆบนโลกออนไลน์
คงปฎิเสธไม่ได้ว่ามือถือที่ถ่ายรูปได้ถือเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของหมู่เราชาวเน็ตไปแล้ว นอกจากการถ่ายรูปคนในครอบครัว ทำไมเราไม่ลองถ่ายรูปที่สามารถใช้ลงโพสต์ได้ด้วยล่ะ ยกตัวอย่างเช่น เดินไปเจอป้ายห้ามเข้าข้างถนน หยุดเดินแล้วถ่ายซักแชะ นอกเหนือจากนี้ คุณยังช่วยเหลือสังคมได้ด้วยการ ใช้Flickr แล้วติ๊กว่าเราจะลงรูปให้เป็นส่วนหนึ่งของ creative commons ซึ่งทำให้เราแบ่งปันรูปให้กับผู้คนได้อีกมากมาย ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้อีกด้วยว่า ภาพใดที่ต้องขอลิขสิทธิ์จากเราก่อนนำขึ้นเผยแพร่เท่านั้น
4. ใช้รูปจาก Pinterest, Tumblr หรือเว็บไซต์ใหญ่ๆด้วยความระมัดระวัง
ในระยะสองเดือนมานี้ ฉันได้อ่าน terms of service เยอะมาก แต่ฉันก็ไม่ได้จบกฎมายมา เพราะฉะนั้น บทความนี้จึงไม่นับว่าเป็นการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย แต่เรียกว่าเป็นลักษณะของเพื่อนเตือนเพื่อนคงจะดีกว่า เมื่อคุณอัพโหลดอะไรก็ตามลงบน Tumblr และ Pinterest นั่นหมายความว่า คุณประกาศตัวว่าคุณเป็นเจ้าของรูปภาพนั้นๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเจ้าของตัวจริงของภาพมาเจอและฟ้องบริษัท Tumblr หรือ Pinterest คุณเองจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะPinterest เขียนไว้ว่า ถ้าคุณ repin ภาพใดๆก็ตาม หมายความว่า คุณเป็นเจ้าของภาพเหล่านั้นด้วย (เอากะเค้าสิ) ซึ่งแบบนี้หมายความว่าคนแทบจะ99% ในPinterest กำลังทำผิดกฏหมาย ซึ่งอนาคตอาจโดนฟ้อง หรือไม่โดนก็ได้ ซึ่งหลังจากที่รู้แบบนี้ ฉันเลยเริ่มระแวง ไม่อยากกลายเป็นตัวอย่างที่โดนแจ๊คพ็อตพอดี ก็เลยเริ่มหยุดการ Pin สิ่งที่เจ้าของอาจไม่อยากให้ Pin
ทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้คือ Pin รูปภาพที่เป็นของตัวเอง หรือจากเว็บที่มีปุ่ม Pin It (แต่ระวังนิดนึง เพราะเว็บที่ทำปุ่มนี้อาจขโมยรูปมาอีกทีก็ได้) หลังๆมานี้ฉันpin พวกปกหนังสือ ไม่ก็ใบปิดหนัง เพราะฉันคิดว่ามันเป็นการโฆษณาให้หนังสือกับหนังด้วย แต่รูปสวยๆทั่วๆไปนี่ฉันไม่กล้าเลยล่ะ
5. ระลึกไว้เสมอก่อนเลยว่า เนื้อหา รูปภาพทุกอย่างมีเจ้าของ มีลิขสิทธิ์
คิดแบบนี้จะปลอดภัยที่สุด เพราะถ้าคุณไม่มั่นใจจริงๆ100% ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า ไม่
นี่รวมไปถึงภาพดาราด้วยเช่นกัน จริงๆแล้ว มันก็มีภาพฟรีให้เราเลือกใช้ได้มากมายเลย เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะเลือกเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางให้น้อยที่สุดว่าไหม
6. อย่าลืม! เตือนเพื่อนชาวบล็อคเกอร์คนอื่นๆด้วย
ถ้าฉันไม่มีโอกาสแชร์ประสบการณ์เรื่องนี้ให้พวกคุณ ฉันต้องอกแตกตายแน่ๆ เพราะฉันไม่อยากเห็นใครต้องมาเจอแบบฉัน และถ้าคุณเห็นใครกำลังทำผิดๆหรือละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นอยู่ ให้รีบบอกเค้าเลย เพราะย้อนกลับไป ฉันก็อยากให้ใครบางคนเตือนฉันก่อนเกิดเรื่องขึ้นเหมือนกัน
ฉันรู้นะว่าพวกคุณบางคนอาจคิดว่าฉันวิตกไปเอง หรือโอกาสที่จะเกิดเรื่องจริงๆมันน้อยมากก อืม ก็นะ อาจจะใช่ แต่มันก็เกิดกันฉันแล้ว และตอนนี้ฉันเรียนรู้แล้วจึงจะปรับปรุงให้ดีขึ้น 🙂
คำคมวันนี้ : ปกป้องตัวเอง และเคารพสิทธิของศิลปินคนอื่นด้วย
สุดท้ายนี้ สาวRoni Loren ก็ทิ้งท้ายไว้ว่าเธอไม่ได้จบนิติมานะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เล่าๆมาไม่ใช่คำแนะนำด้านกฎหมายแบบเป็นทางการ เธอเพียงแต่เอาประสบการณ์ตัวเองในช่วงสองสามอาทิตย์นี้มาแชร์ให้ฟัง หลังจากที่ได้พูดคุยและทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์มา
ก็ต้องขอขอบคุณ Roni Loren มา ณ ที่นี้ ที่ทำให้เราได้รู้อีกมุมมองของการใช้รูปบนอินเตอร์เน็ต งานนี้ อ่านแล้วนึกได้อย่างเดียว “กันไว้ ดีกว่าแก้” ค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้บล็อคเกอร์ทุกคน ที่มุ่งมั่นสร้างเนื้อหาดีๆให้สังคม อย่าให้เรื่องนี้ทำให้พวกคุณเลิกนะคะ สู้ๆค่ะ