Connect with us

Featured Articles

ดื่มเบียร์ในเมลเบิร์นกันเถอะ

Madam Bimbo

Published

on

ดื่มเบียร์ในเมลเบิร์น

ดื่มเบียร์ในเมลเบิร์น กันเถอะ!!!

Let’s Drink  Beer in Melbourne

กราบสวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้กระผมหนุ่มน้อยหน้ามน เจ้าของฉายา “คอเบียร์” กลับมาตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับทุกท่านในครั้งที่แล้วนะครับ ในหัวข้อที่ว่า “ดื่มเบียร์ในเมลเบิร์น”กันเถอะ เกือบลืมไปเลย สำหรับท่านใดเพิ่งเข้ามาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรก ท่านอาจจะ “งง” แต่ไม่ต้องห่วงครับ ท่านสามารถกลับไปอ่านบทความที่แล้วได้ในตอนที่มีชื่อว่า…มารู้จักเบียร์ในเมลเบิร์นกันเถอะ  Let’s Enjoy the Beer in Melbourne”  โดยตอนที่แล้วกระผมได้แนะนำเกี่ยวกับประวัติการเกิดขึ้นของเบียร์ในออสเตรเลีย พร้อมกับชนิดของเบียร์ในเมลเบิร์น [Lager and Ale ] รวมทั้งการแยกระหว่าง คราฟท์เบียร์ [Craft Beer] และ ดราฟท์ [Draught Beer] เรียกน้ำย่อยโดยการแนะนำเบียร์ที่ทุกท่านน่าจะได้ลองดื่มกัน ในบทความตอนนี้ กระผมรับรองได้เลยว่า การดื่มเบียร์ในเมลเบิร์นของทุกๆท่านนั้น  ต้องไฉไลกว่าเดิมแน่นอน  งั้นเราไปติดตามกันเลยครับ

Photo by dekaus

Beer in Melbourne (เบียร์ในเมลเบิร์น)

 

Pixabay

Beer Tap

ก่อนที่เราจะเริ่มดื่มเบียร์ในเมลเบิร์น เรามารู้วิธีดื่มเบียร์ของชาวเมลเบิร์นกันก่อนดีกว่าครับ ว่าเขานิยมดื่มเบียร์แบบไหนกันมากกว่า ระหว่างแบบ “ขวด”[Bottled], “กระป๋อง”[Canned] หรือ “แท็ป” [Tap]  ส่วนใหญ่หากไปดื่มกันในที่บาร์ ชาวเมลเบิร์นจะนิยมดื่มเบียร์สด [Draught Beer หรือ Draft Beer เหมือนกันนะครับ เนื่องจากชาวเมลเบิร์นได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษ ดังจะเห็นได้ว่าใช้ภาษาอังกฤษค่อนไปทางแบบ British มากกว่า American] ทั้งนี้ รสชาติของเบียร์สดนั้นจะค่อนข้างละมุน นุ่มลิ้นมากกว่าเบียร์ที่ถูกบรรจุในขวดหรือกระป๋อง เนื่องจากเบียร์สดไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์ [Pasteurization] คือไม่ได้ผ่านการต้มโดยใช้ความร้อน เพราะฉะนั้น เบียร์ที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์จึงต้องเก็บไว้ในถังและเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำ แต่เบียร์ที่บรรจุลงขวดและกระป๋อง เราจะเรียกว่า Craft Beer ต้องผ่านการพาสเจอไรซ์  นั้นแน่!!! อย่าเพิ่งคิดว่าเบียร์สดที่อยู่ในถัง[Keg] จะอร่อยกว่าเสมอไปนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือนไม่ได้นะครับ เบียร์ในเมลเบิร์นนั้นการผลิตไม่เป็นสองรองใคร หากท่านได้เดินทางมาลองดื่มสักครั้งน่าจะดีไม่ใช่น้อยนะขอรับ หลังจากท่านอ่านบทความนี้จบแล้ว เราจะพูดพร้อมกันว่า “ดื่มเบียร์ในเมลเบิร์นกันเถอะ”

Pixabay

Keg [ถัง]

การเลือกดื่มเบียร์สดนั้น เราจำเป็นต้องเลือกร้านที่มีคนดื่มเบียร์จำนวนมาก เพราะเบียร์สดนั้น หากมีการเปิดถังแล้วอย่างน้อยต้องขายให้หมดภายใน 7 วัน หากเกินกว่ากำหนดระยะเวลาอากาศจะเข้าไปในถังทำให้รสชาติที่แสนจะอร่อยของเบียร์เสียไปในทันที ดังนั้น การเลือกร้านก็สำคัญเช่นเดียวกัน แต่หากท่านที่ต้องการดื่มเบียร์สดในเมลเบิร์นแบบไม่ให้เสียรสชาติจริงๆ อาจจะต้องสอดส่องดูว่าร้านไหนคนหนาแน่นบ้าง ถ้าร้านไหนคนบางตาอย่าได้ก้าวเท้าเข้าไปนะครับผม

staticflickr

Beer Taps

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อยากจะแนะนำและฝากไว้สำหรับนักดื่มเบียร์ในเมลเบิร์นอีกอย่างก็คือ “แก้ว”[Glass] ร้านที่ดี แก้วจะต้องไม่ผ่านการแช่ในช่องแช่แข็ง หรือที่เรียกว่า “Frosted” แต่ควรแช่ในตู้เย็นในอุณหภูมิปกติ หรือที่เรียกว่า “Chilled” เพราะแก้วที่เย็นจัดเกินไปจะทำให้รสชาติของเบียร์นั้นเสียรสไปโดยทันที แค่นั้นยังไม่พอนะครับ ร้านที่ใส่ใจต่อเบียร์จะต้องเก็บเบียร์ไว้ในอุณหภูมิที่ 3 องศาเซลเซียส ส่วนคอเบียร์ส่วนใหญ่จะมีการพักเบียร์ให้อุณหภูมิขึ้นมาสักนิดนึงก่อนที่จะดื่ม การดื่มเบียร์ของแต่ละบุคคลจะชอบอุณหภูมิที่แตกต่างกันไป สไตล์ใคร สไตล์มันเนอะ ส่วนคอเบียร์อย่างกระผมนั้นจิบได้เรื่อยๆ ขอเพียง 7 องศาเซลเซียสขึ้นไปก็เพียงพอแล้ว แต่!!! จะดีกว่านั้นครับ ถ้ามีผู้เมตตาเลี้ยงกระผมสัก 1 แก้ว (ขอเลือกไซส์แก้วเองนะขอรับ อิอิ…)

Wikimedia

Cheer!!!

พอกล่าวถึงเรื่องขนาด[Size] กระผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า แก้วเบียร์ในเมืองเมลเบิร์นนั้นไม่เหมือนในประเทศไทยนะครับ ส่วนใหญ่คนไทยอย่างเราๆ มักจะซื้อเบียร์มาดื่มกันเองที่บ้านหรือไม่ก็ไปนั่งตามร้านอาหาร และทางร้านในไทยมักจะใช้แก้วปกติทั่วไป แต่เมืองเมลเบิร์นจะมีขนาดของแก้วดังนี้ครับ

  • 200 Ml.   A Beer [ Regular Size] ขนาดนี้เท่าแก้วปกติของไทยครับ
  • 285 Ml.   A Pot
  • 425 Ml.   A Schooner
  • 570 Ml.   A Pint

และขนาดที่ใหญ่ที่สุดมีปริมาณอยู่ที่  1,140 Ml.  เรียกว่า  A Jug [ จั๊ก จริงจริง นะครับ ไม่ใช่ ลิง จั๊กจั๊ก] โอ้โห อะไรจะใหญ่ขนาดนั้น นี่สั่งมาดื่มเหรอเนี่ย? คุณพระ คุณเจ้าช่วย กล้วยทอด

Max Pixel

Size Of Glass

ในเมื่อตอนนี้เราได้รู้ถึงเกร็ดต่างๆ ในการดื่มเบียร์กันแล้ว อันดับต่อไปนั้น กระผมขอแนะนำเบียร์ในเมลเบิร์นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมให้กับทุกท่าน ณ บัดนี้

Wikimedia

Coopers Brewery

Coopers Celebration Ale – เบียร์ด้วยนี้เป็นเบียร์เอลล์ ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งโรงกลั่นเบียร์ครบ 150 ปี (โอ้โห อยู่มานานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?) เบียร์ตัวนี้หมักด้วยมอลต์ผสมกับฮอพชั้นเยี่ยมเพื่อลดความขมของเบียร์ เท่านั้นไม่พอยังใช้ยีสต์ที่ดีที่สุดซึ่งเป็นของคูเปอร์เองอีกด้วย และที่สำคัญยังมีการเพิ่มกลิ่น Aroma ลงไปในเบียร์อีกด้วย ในเครือของคูเปอร์ยังมีอีก 2 ชนิดที่เราได้แนะนำให้ท่านนั้นก็คือ

  • Extra Strong Vintage – เบียร์ตัวนี้ผลิตขึ้นในปี 2015 เป็นเบียร์สไตล์วินเทจ โดยเบียร์ตัวนี้มีคำนิยามว่า “ไวน์ที่ดีที่สุดคือเบียร์แล้วละก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะต้องเป็นเบียร์ Cooper extra strong vintage ale” เบียร์เข้มข้นตัวนี้เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ และควรเก็บในห้องใต้ดิน เบียร์นี้ยิ่งเก็บนาน รสชาติจะยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
  • Pale Ale – การันตีเลยว่าเบียร์ชนิดนี้จะทำให้หลายคนหันมาสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มนักดื่มรุ่นใหม่ ด้วยลักษณะกลิ่นหอมหวานแบบพิเศษที่ผสมผสานกับความขมได้เป็นอย่างดี เบียร์cooper aleนี้มีรสชาติที่น่าชวนให้ดื่มได้ในทุกโอกาสเลยก็ว่าได้
Wikimedia

Crown lager beer

Crown Lager Beer – เป็นเบียร์สดคุณภาพดีของออสเตรเลียและได้รับการการันตีว่าเป็นเบียร์เกรดพรีเมี่ยมแบรนด์แรกของออสเตรเลีย เบียร์ชนิดนี้มีรสชาติผลไม้อย่างเข้มข้น ผสมผสานกับมอลต์ ที่ปรุงรสของเบียร์ด้วยฮอพ ซึ่งฮอพที่ทางคราวน์เลือกใช้นั้นเป็นฮอพที่ได้ชื่อว่าเป็นฮอพที่ดีที่สุดของออสเตรเลีย

Wikimedia

Melbourne Beer

Melbourne Bitter Beer – เป็นเบียร์มอลต์อันดับต้นๆ ของเมลเบิร์น แถมยังมีกลิ่นผลไม้ ในส่วนของรสชาติยังมีส่วนผสมของฮอพชั้นเยี่ยมของออสเตรเลียมาตัดความหอมหวานของผลไม้ออกไปนิดนึง เพื่อป้องกันการเลี่ยน เบียร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับคอเบียร์ที่ชอบเบียร์ที่ค่อนข้างแรง

Carlton Black – เป็นเบียร์สีเข้ม ที่มีรสชาติของผลไม้ซึ่งและมีการใส่ฮอพชั้นเยี่ยมลงไปทำให้ดื่มง่ายขึ้น ส่วนที่สำคัญของเบียร์ตัวนี้จะแตกต่างจากตัวอื่นคือมอลต์ เพราะมอลต์ที่ใช้ในเบียร์ชนิดนี้เป็นความลับเฉพาะของคาร์ตัน แถมยังมีความแตกต่างในการใช้กลิ่นมอคค่าเข้ามาเสริมเพื่อรสชาติและกลิ่นที่หอมแก่คอเบียร์

ดื่มเบียร์ในเมลเบิร์น

Australia Beer

 XXXX Gold Beer – เป็นเบียร์ที่มีความเข้มระดับปานกลาง ถูกหมักโดยใช้เพียงมอลต์ และข้าวบาร์เล่ที่ดีที่สุดของออสเตรเลีย และฮอพ [golden cluster]  ด้วยความลงตัวและนุ่มของรสชาติ ทำให้เบียร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก

 James Boage Premium Lager – เบียร์ตัวนี้เป็น Lager  มีรสชาติที่ละมุนนุ่ม เพราะมีการใช้มอลต์และฮอพชั้นเยี่ยมในการหมัก ทำให้เครื่องดื่มมีรสชาติที่สมบูรณ์แบบ จึงได้รับฉายาว่า “Aussie Beer”

 Victoria Bitter Beer – เรียกได้ว่าเป็นเบียร์ที่ชาวออสเตรเลียโปรดปรานมาช้านาน และได้ถูกหมักเพื่อให้ได้รสชาติอย่างเต็มที่ ต้องดื่มในอุณหภูมิที่เย็นจัด เบียร์ชนิดนี้เป็นเบียร์ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของออสเตรเลีย

Hahn Super Dry – เป็นเบียร์สีทองอ่อน มีรสมอล์ตนุ่มลื่น แต่ยังคงความเข้มและมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ [เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน หรือคอเบียร์ที่ยังอยู่ในช่วงรักษาสุขภาพและรูปร่างครับผม]

Tooheys New – เป็น Lager เบียร์ของออสเตรเลียที่คลาสสิค หมักโดยมอลต์และฮอพ ไม่ใช้สารปรุ่งแต่งและวัตถุกันเสีย  ทำให้ความขมและความหวานเข้ากันได้อย่างลงตัว อีกทั้งเบียร์ชนิดนี้มีฟองค่อนข้างน้อยเหมาะกับการจิบเบียร์แบบสบายๆ

เบียร์ในเมลเบิร์น ยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ที่รอให้คอเบียร์ไปลองดื่มด่ำกับรสชาติของมอลต์, บาร์เล่ย์, ความหอมของผลไม้และมวลดอกไม้ และสิ่งที่เบียร์จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ฮอพ ยิ่งมีฮอพชั้นดีมากแค่ไหน เบียร์แบรนด์นั้นก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ ฮอพใส่ลงไปเยอะอาจจะทำให้เบียร์ขมจนดื่มไม่ได้ ใส่น้อยไปเบียร์ก็อาจจะเลี่ยนได้ ทุกอย่างจึงต้องลงตัวและพอดี การดื่มเบียร์ในเมลเบิร์นไม่ได้ยากอย่างที่คิดใช่ไหมครับ กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความฉบับนี้จะมีประโยชน์กับคอเบียร์ไม่มากก็น้อย ไม่ก็ปานกลาง อิอิ

ท้ายสุดและสุดท้ายนี้ กระผมใคร่ขอแนะนำให้ท่านไปลิ้มลองเบียร์ในงาน BEERFEST @Melbourne ที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2018 นะครับสามารถดูรายละเอียดและซื้อตั๋วได้ที่ https://melbourne.beerfestivals.com.au/ เนื่องจากเทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่ค่อนข้างใหญ่ของปี คอเบียร์อย่างเรา เจอกันนะครัช

 

Featured Articles

บริการกงสุลสัญจร ณ นครเมลเบิร์น 6 MAR 2023

Owen Pairot

Published

on

กงสุลสัญจร ณ นครเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย
ประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา
จัดให้มีการให้บริการกงสุลสัญจร ณ นครเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย
ระหว่างวันที่ 6 – 10 มีนาคม 2023
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา มีกำหนดให้บริการกงสุลสัญจร ประกอบด้วยการรับคำร้องขอมีหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) การทำบัตรประจำตัวประชาชน และการรับคำร้องนิติกรณ์และงานทะเบียนราษฎร ที่นครเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.กำหนดการให้บริการกงสุลสัญจร
1.1 วันจันทร์ที่ 6 – วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2023 (ทุกวัน) เวลา 09.00 – 17.00 น.
2. สถานที่ โรงแรม Punthill Apartment Hotel – Little Bourke (ชั้น 1) เลขที่ 17 Cohen Place, Melbourne, VIC 3000
3. ประเภทบริการกงสุลสัญจร
3.1 การรับคำร้องหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถให้บริการรับคำร้องขอมีหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่เกิน 180 คน/วัน
3.2 การจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน สามารถให้บริการทำบัตรประจำตัวประชาชนได้ไม่เกิน 60 คน/วัน
3.3 การรับคำร้องนิติกรณ์และงานทะเบียนราษฎร ให้บริการรับคำร้องเท่านั้น
4. การสำรองนัดหมาย
จองคิวในระบบออนไลน์ล่วงหน้าเท่านั้น โดยเลือกสำรองนัดหมายผ่านทางลิงค์ https://bit.ly/3HbJWFZ
4.1.หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ไม่เกิน 180 คน/วัน) จองคิวในระบบออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/3HbJWFZ
4.2.บัตรประจำตัวประชาชน (ไม่เกิน 60 คน/วัน) จองคิวในระบบออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/3HbJWFZ
โปรดจองคิวได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2023 เวลา 13.00 น. (เวลาท้องถิ่น ณ นครเมลเบิร์น) จนกว่าจะครบตามจำนวนที่กำหนด
หลังจากท่านสำรองคิวสำเร็จแล้ว โปรดถ่ายภาพ (แค็ปหน้าจอ) ของการสำรองคิวเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันการสำรองคิวโดยนำมาแสดงในวันที่นัดหมายด้วย ทั้งนี้ การสำรองนัดหมายจะสมบูรณ์เมื่อท่านได้รับ SMS หรืออีเมล์แจ้งยืนยันการนัดหมายจากสถานเอกอัครราชทูตฯ (โปรดเช็คในกล่อง inbox หรือ spam หรือ junk mail ของท่านด้วย)
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้บริการรับคำร้องขอทำหนังสือเดินทาง และรับทำบัตรประจำตัวประชาชนเฉพาะผู้ที่ได้สำรองนัดหมายผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้าเท่านั้น
Continue Reading

Featured Articles

Easter Days In Melbourne

Owen Pairot

Published

on

เทศกาลอีสเตอร์ในเมลเบิร์น

Easter Days In Melbourne

สวีดัด สวัสดีคร้าบบบบ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้กระผมจะนำทุกท่านเข้าสู่เทศกาลที่สำคัญของชาวคริสเตียนกันครัช ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้ง และเทศกาลนั้นก็คือ “อีสเตอร์”[Easter] เป็นการฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์จากความตาย และยังเป็นวันที่สำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์จนได้รับการขนานนามว่า “เป็นวันเริ่มต้นใหม่ของชีวิต” โดยแต่ละปีจะมีการกำหนดไว้ว่าจะ ฉลองวันอีสเตอร์ในวันอาทิตย์แรกหลังจากพระจันทร์เต็มดวงโดยจะนับเวลาหลังจากเที่ยงคืนของฤดูใบไม้ผลิ[Spring] ซึ่งจะอยู่ในช่วงหลังวันที่ 21 มีนาคมถึง 25 เมษายนของทุกๆปี  ชาวคริสเตียนนิกายออร์โธดอกซ์ในประเทศกรีซทั้งหลายจะคำนวณวันอีสเตอร์จากการใช้ปฏิทินจูเลียน  แต่สำหรับชาวคริสเตียนในประเทศอื่นๆ วันอีสเตอร์ขึ้นอยู่กับการประมาณการของคณะโบสถ์ในช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนในเดือนมีนาคม ในปี 325 สภาของประเทศไนซีอาได้ตัดสินว่าวันอีสเตอร์จะตรงกับวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงหรือหลังวันที่เวลากลางวันและกลางคืนเท่ากันในเดือนมีนาคม เทศกาลอีสเตอร์ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญเพราะชาวเมลเบิร์นส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงวันอีสเตอร์ กระผมจะนำท่านไปรู้จักกับวันศุกร์ประเสริฐ หรือวันที่ชาวคริสเตียนเรียกว่า  Good Friday กันก่อน

Pxhere

Jesus of Nazareth

วันศุกร์ประเสริฐ[Good Friday]

เป็นวันที่พระเยซูและพระอัครธรรมทูต เดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อประกอบพิธี  Passover ซึ่งเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว โดยเป็นหนึ่งที่ชาวยิวจะรำลึกถึงการที่ชาวฮิบรูได้รับการปลดปล่อยจากความเป็นทาส หลังจากอาหารค่ำในพิธี  Passover พระเยซูทรงถูกจับกุมและถูกนำไปตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งอาหารมื้อนั้นถือเป็นมื้อสุดท้ายหรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า “The last supper”  [ปัจจุบัน สามารถเข้าชมภาพวาด The Last Supper ของ Leonardo Da Vinci ได้ที่วัด Santa Maria delle Grazia ในกรุง Milan ประเทศอิตาลี ]หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน พระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

Saturday before Easter Sunday หรือ Holy Saturday

เรียกอีกชื่อว่า “วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์” โดยวันนี้จะเป็นวันที่ร่างกายของพระเยซูถูกเก็บใส่โลง และเก็บร่างอันไร้ลมหายใจเอาไว้ภายใต้อุโมงค์ ถ้าย้อนเวลากลับไปในวันนั้น คงเป็นวันที่ชาวคริสเตียนเสียใจเป็นที่สุด โดยในวันนี้ชาวคริสต์จะเริ่มจัดเตรียมการเฉลิมฉลองมี่กำลังจะเกิดขึ้น และโบสถ์บางแห่งจะมีการจัดงานการสวดมนตร์พร้อมทั้งจุดเทียนสีขาว เพื่อเป็นการจุดไล่ความมืดออกไป และหลังจากมีการสวดมนตร์แล้วบางนิกายจะมีการทำพิธีศีลล้างบาปอีกด้วย

Pxhere

Jesus Isael Cross Holy Church

หลังจากที่เราได้รู้จักกับวันศุกร์ประเสริฐและวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว กระผมขอพาทุกท่านเข้าสู่วันอีสเตอร์ โดยเราจะเรียกวันอีสเตอร์ว่าวัน Easter Sunday

Easter Sunday

ทำไมถึงต้องเรียกว่า Easter Sunday เพราะว่า วันอีสเตอร์เป็นวันที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพ หลังจากที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์ หลังจากนั้น  2 วัน ก็ได้กำเนิดวันเฉลิมฉลองการฟื้นคืนชีพของพระเยซู หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า “Easter Day’s” และวันสุดท้ายสำหรับเทศกาลอีสเตอร์นั้นก็คือ “Easter Monday” โดยวันนี้สำหรับชาวเมลเบิร์นและชาวออสเตรเลียทุกท่านยังถือว่าเป็นวันหยุดอยู่นะครับ และหลายๆคนยังถือว่าวันนี้เป็นวันฉลองการฟื้นคืนชีพ เช่นเดียวกับวัน “Easter Sunday”

wikimedia

Let’s play

Wikimedia

Chocolate Easter Eggs

สัญลักษณ์ในวันอีสเตอร์

  • ไข่อีสเตอร์ หมายถึง การเริ่มต้นชีวิตใหม่
  • ดอกลิตเติ้ลเดซี่ หมายถึง การกลับมาของฤดูใบไม้ผลิ แม้บางแห่งดอกไม้นี้จะออกดอกเกือบทั้งปี แต่เดือนที่มีการเบ่งบานมากที่สุด คือช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม นอกจากนี้ยังมี ดอกลิลลี่สีขาว ที่มีเชื่อมโยงกับเทศกาลอีสเตอร์เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์
  • กระต่าย หมายถึง สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และเปรียบเสมือนผู้ส่งสารของอีสเตอร์ กระต่ายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเทศกาลอีสเตอร์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
  • ผีเสื้อ หมายถึง สื่อความหมายถึงชีวิตใหม่ วันหนึ่งดักแด้กลายเป็น ผีเสื้อบินไปเพื่อแจกจ่ายพรไปสู่โลกกว้าง
  • เทียนปัสกา (Paschal Candle) เทียนสีขาวขนาดใหญ่ ชาวคริสต์จะเริ่มฉลองเทศกาล ด้วยการจุดเทียนปัสกา เพื่อรำลึกถึงการฟื้นคืนชีพแสงสว่างที่ออกมาจากอุโมงค์ที่มืดมิด

ในเทศกาลอีสเตอร์นั้น ชาวคริสเตียนจะให้ความสำคัญต่อการเข้าโบสถ์เพื่อระลึกถึงพระเยซูในวันที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ ในวันต่อมาชาวคริสต์จะไปโบสถ์เพื่อล้างบาปและจุดเทียนปัสกา[Saturday Easter]และขอพรในวันเริ่มต้นใหม่[Sunday Easter] เมื่อเสร็จสิ้นพิธีจากโบสถ์ ส่วนใหญ่ชาวคริสเตียนจะให้ความสำคัญต่อครอบครัว เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว แต่ละครอบครัวจะมีโปรแกรมในแต่ละวันเพื่อสานความสัมพันธ์ให้แน่นยิ่งขึ้น แต่สำหรับเด็กๆแล้ว วันอีสเตอร์สำคัญรองลงมาจากคริสต์มาสเลยครัช เพราะเด็กๆจะได้รับของขวัญจากคนในครอบครัว [น่าอิจฉาจุง อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง!!!] คนไทยในเมลเบิร์นลองไปเที่ยวกันดูนะครัชผม เทศกาลนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว สำหรับบทความหน้ากระผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ไหน ต้องรอติดตามกันดูนะครัช

 Easter Days

Continue Reading

Featured Articles

มาตรการล่าสุดในการต่อสู้กับ COVID-19 ของออสเตรเลีย

Owen Pairot

Published

on

นายกรัฐมนตรี Scott Morrison ออกมาแถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ผู้เดินทางทุกคนที่มาออสเตรเลียหลังเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2020 (คืนนี้) จะต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ไม่เว้นแม้แต่ซิตี้เซ็นท์

เรือสำราญจากต่างประเทศในเบื้องต้นนี้ห้ามเข้าเทียบที่ท่าเรือใดๆในออสเตรเลียอีกเป็นเวลา 30 วัน (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)

กิจกรรม หรืองานใดๆ ที่ไม่มีความสำคัญ และมีคนเกิน 500 คนก็ถูกระงับทั้งประเทศ เช่น โรงละคร สนามกีฬา เป็นต้น ในส่วนของขนส่งมวลชนสาธารณะ และห้างสรรพสินค้า ให้ดำเนินกิจการตามปกติ

ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อม และเตรียมการรับมือกับไวรัสตัวนี้ ในขณะที่ฤดูไข้หวัดกำลังมาเยือนในหน้าหนาวนี้ เป้าหมายสำคัญคือการปกป้องประชาการที่ไม่สามารถต้านทานไวรัสตัวนี้ได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่ออันตรายจากไวรัส COVID-19 ตัวนี้ และเพิ่มความสามารถในการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตอนนี้ suppermarket ได้เริ่มจำกัดสินค้าให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเช่น กระดาษชำระ** ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ อาหารแห้งต่างๆ และประกาศยกเลิกนโยบายคืนสินค้าที่บางท่านซื้อไปกักตุน และแนะนำว่าให้นำไปบริจากสู่สาธรณะหากสินค้าที่ซื้อไปนั้นเกินความจำเป็นและไม่สามารถคืนได้

ทีมงาน DekAus ขอให้เพื่อนใช้สติในการรับข่าวสาร และอยู่ในความไม่ประมาท ดูแลสุขภาพตัวเอง และคนรอบข้างให้ดี หมั่นล้างมืออย่างถูกวิธีบ่อยๆ งดการสัมผัสผู้อื่น และหน้า โดยเฉพาะตา จมูก และปาก

เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจไวรัส COVID-19 ตัวนี้ทีมงานคิดว่า link video 13 นาที ตัวนี้มีประโยชน์ และอยากให้เพื่อนๆดูทุกคน จะได้เข้าใจ และคลายกังวล พร้อมกับปฎิบัติตัวเพื่อรีบมือกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ และเลือกเสพข่าวอย่สงมีสติกันครับ

แนวทางป้องกัน
ภาษาไทย

Continue Reading

Trending

Copyright © 2024 DekAus Melbourne