Newsที่หลับ ที่นอน

แชร์ประสบการณ์หา ที่พักในเมลเบิร์น

melbourne city

ที่พักในเมลเบิร์นตอนที่1 แชร์บ้านอยู่ (นอกเมือง)

สวัสดีค่า วันนี้จะมาเล่าถึงประสบการณ์หา ที่พักในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก อันดับที่ 1 ติดต่อกัน 6 ปีซ้อน!! (อ้างอิง ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2558) จากหน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ของนิตยสารชื่อดังระดับโลก อย่าง “THE ECONOMIST” ของประเทศอังกฤษ

ก่อนอื่นเลยนอกเหนือจากการเดินทางมาออสเตรเลียแล้วเนี่ย อีกปัจจัยหลักของการมาอยู่ต่างประเทศก็คือ ‘การเป็นอยู่’  ใช่แล้วคะ สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นของจริงก็จะไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะเป็นอย่างที่เราได้คาดหวังไว้หรือไม่ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ‘10ปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น’ ก็จะเข้าใจคำนี้กันตรงนี้แหละคะ ตัวเราก็เป็นนะคะ กังวลเรื่องที่พักมาก กลัวว่ามาแล้วจะทำยังไงต่อ, ออกจากสนามบินแล้วจะไปไหน, ไปทำไม และ ไปยังไง…

วันนี้เราจะขอมาเล่าให้ฟังว่าควรเตรียมตัวอย่างไรให้สบายใจในการหาที่พักในเมลเบิร์นก่อนการเดินทาง

ต้องขอเล่าย้อนไปสักนิดว่า เราเตรียมตัวมาเมลเบิร์นเพราะได้วีซ่ายอดฮิตของคนไทยมา นั่นก็คือ WAH (Working and Holiday VISA) วีซ่านี้มีประโยชน์อย่างไรขอยกไว้เป็นบทความหน้านะคะ (หรือใครสนใจแนะนำให้ลองไปหาข้อมูลในอินเตอร์เนตดูก่อนได้เลยคะ หาข้อมูลไม่ยากเลย) เอาล่ะคะ มาต่อเรื่องของเรากันดีกว่า… เนื่องจากเราได้วีซ่าตัวนี้มา เราจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องการเรียน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของวีซ่านักเรียนเลย เพราะฉะนั้นใครที่มาด้วยวีซ่านักเรียน ก็ต้องคำนึงถึงการเดินทางไปโรงเรียนเป็นหลักใช่ไหมคะ ก็อยากจะหาที่พักให้ใกล้โรงเรียน หรืออาจจะหาที่พักที่เดินทางไปโรงเรียนสะดวก ซึ่งข้อคำนึงจำพวกนี้ก็จะขึ้นอยู่ของแต่ละบุคคล บุคคลไป และเนื่องจากเราไม่มีปัจจัยจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในเมลเบิร์นมานัก เราก็เลยมาเน้นที่ราคาและคุณภาพของที่พักมากกว่า

เราจะค้นหา ที่พักในเมลเบิร์น ได้จากที่ไหน?

ถ้าเราไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่คอยให้คำแนะนำหรือสอบถาม เราก็ต้องค้นหาข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ตด้วยตนเอง แต่…แล้วมันจะน่าเชื่อถือได้ขนาดไหนกันล่ะ? วันนี้เราจะมาทำให้มันน่าเชื่อถือกัน!!

จากการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตบวกกับเรามีเพื่อนที่เคยอยู่เมลเบิร์นก็ได้สายตรงไปสอบถามเรื่องหารหาบ้านมา ซึ่งเพื่อนเราก็ให้ contact น้าคนนึงมา เพื่อนเราก็แนะนำนะคะว่า น้าเขามารับถึงสนามบิน พาไปเปิดบัญชีธุรกรรม ทำโทรศัพท์ ต่างๆนาๆ ทางเราก็เออ ออ ลองติดต่อไป แต่ปรากฎว่า ห้องที่น้าเขาจะปล่อยให้เช่า เป็น apartment มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีครัว อยู่กันห้องละ 2 คน น้าอยากให้อยู่กันสบายๆ ไม่แออัด และเป็นผู้หญิงทั้งหมด ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก แค่ 15 นาที เดินทางสะดวก มีทั้งรถไฟ และรถราง คือเลือกเดินทางได้เลยตามใจเรา สภาพห้องโอเคเลยแหละ ดูดี เหมือนอยู่คอนโดเมืองไทย ฉนวนราคาอยู่ที่ AUD$175 per week รวมบิลทุกอย่าง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต สำหรับเรา เราว่ามันแพงไปนิดนึง (เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่แล้ว) เราก็ยังไม่ตกลง ที่เราลังเลใจไม่ใช่เพราะเรื่องราคาอย่างเดียว แต่ที่เรากังวลใจมาที่สุดคือ เราต้องไปอยู่ร่วมกับคนอื่นในห้องเดียวกัน!! คือด้วยความคิด ณ ตอนนั้น เราเดินทางคนเดียว เราอยากอยู่คนเดียว ก็เลยถามน้าเขาไปว่า ถ้าหนูขออยู่คนเดียว น้าคิดเท่าไหร่คะ? AUD$220 per week จ้า… แม่เจ้า!! โอเคแหละ เข้าใจได้อยู่ ไม่เป็นไร เก็บไว้เป็นตัวเลือก

ก็เริ่มดำเนินการหาที่พักต่อ ก็ได้หลายเสียงมาช่วยตัดสินใจ ว่าการอยู่ในเมือง นอกเมือง ต่างกันไหม? ได้คำตอบที่ว่า ไม่ค่อยต่างหรอก เพราะการคมนาคมที่เมลเบิร์นนั้น สะดวกมาก เข้าถึงทุกซอกทุกซอย และที่สำคัญคนที่นี่ขยันเดินคะ ก็อากาศมันดี เราอยู่ที่นี่ยังติดการเดินมาเลยคะ แต่ที่ไทยคงได้อาบน้ำใหม่ทั้งวัน หลายเสียงลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ในเมืองแพงจริง แต่สะดวกสบาย มีที่เที่ยวที่กิน ไม่มีอดตาย แต่แออัดหน่อยสำหรับห้องพักในเมือง”

“นอกเมือง เงียบสงบ 4ทุ่มปิดไฟนอนกันหมดแล้ว ราคาค่าห้องก็ถูก และไม่แออัด แต่ดึกๆก็หาของกินลำบาก”

 

บ้านหลังแรก ชานเมืองเมลเบิร์น

ไหนๆเราก็มาทำงาน แล้วก็เที่ยว จึงตัดสินใจได้ว่า นอกเมืองและกัน เราเริ่มตะลุยหาทางอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง จนได้ไปเจอบ้านหลังหนึ่ง ห่างจากเมืองราวๆ 20 นาที ขึ้นไปทางเหนือของเมือง แต่จากตัวบ้านเดินไปสถานีรถไฟก็ประมาณ 15 นาทีได้ พี่เจ้าของบ้านเขาก็ใจดี ให้คำแนะนำทุกอย่างอย่างเป็นกันเองสุดๆ อยากรู้อะไรถามมาพี่แกตอบให้หมด ถ้าพี่แกไม่รู้ เดี๋ยวไปหาผู้รู้มาตอบให้อีกแหน่ะ คุยไปคุยมา ด้วยความที่ถูกคอ อาจจะด้วยอายุไม่ต่างกันมากนัก ทำให้คุยกันง่าย  ซึ่งห้องที่เขาจะปล่อยก็เป็นห้องส่วนตัว เราอยู่คนเดียวทั้งห้อง ตรงสเป็คเราเลย บ้านหลังนี้เป็นบ้านอิฐชั้นเดียว มี 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องทานข้าว 1 ห้องนั่งเล่น 2 ที่จอดรถ และมีสวนหลังบ้าน ราคาเป็นที่น่าพอใจคือ AUD$125 per week แต่ไม่รวมบิล บิลทุกอย่างหารกันเพราะเป็นบ้านที่พวกพี่เขาเช่ากันเอง อยู่กัน 6 คน เป็นเพื่อนกันหมด พี่เขาบอกว่าบิลก็ตกราวๆ AUD$15 per week หรือ AUD$50 ต่ออาทิตย์ต่อคน โดยประมาณ แต่ไม่เคยเกินนี้ พี่เขารับประกัน เราได้ฟังดังนั้นก็รีบตกลงจะเข้าอยู่ โดยพี่เขาจะร่างสัญญาให้เราเซ็น ในสัญญาจะระบุ เรื่องค่าบ้านต่อเดือน, ระยะเวลาเช่า (ขั้นต่ำ 3 เดือน), ค่ามัดจำล่วงหน้า 1 เดือน และในสัญญาระบุว่าถ้าไม่ต้องการต่อสัญญา ให้บอกล่วงหน้าอย่างน้อยกี่วัน เราได้อ่านทุกอย่างครบถ้วน พร้อมทั้งพี่เขาส่งหลักฐานแสดงตัวตนมาให้ยืนยัน และนัดแนะว่าจะไปรับที่สนามบินมาบ้าน เราก็โล่งใจได้บ้านแล้ว จะเดินทางอีก 2 อาทิตย์house with gate

แต่เรื่องไม่จบ หลังจากนั้น ก่อนเดินทาง 3 วัน พี่เขาทักมาใหม่ว่า สนใจจะอยู่บ้านอีกหลังนึงไหม เป็นบ้านของเพื่อนเขาเอง พร้อมทั้งให้ Line contact มาให้คุยติดต่อกันเอง พี่เขาให้เหตุผลว่า บ้านหลังนั้นใกล้เมืองกว่า น่าจะสะดวกกับเรามากกว่า ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาแนะนำจริงๆ บ้านหลังใหม่ อยู่ห่างจากเมืองแค่ 15 นาที เดินจากบ้านมาสถานีรถไฟแค่ 5 นาที เดินไปขึ้นรถบัส 2 นาที มีซุปเปอร์มาเกต อยู่ตรงป้ายรถบัส ลักษณะตัวบ้านเป็น ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นที่จอดรถ ห้องเก็บของ ห้องซักผ้า ต้องบอกก่อนว่า บ้านนี้มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และ 1 ห้องนั่งเล่น พวกพี่เขาอยู่กันแค่ 2 คนกับเด็กอีก 1 คน ซึ่งพี่เขาก็บอกเราว่าถ้าไม่ชอบเด็ก แนะนำว่าอยู่ที่เดิมดีกว่า เพราะน้องซนมาก แต่พอดีเราชอบเด็ก แล้วน้องก็น่ารักมากด้วยเช่นกัน ถึงจะดื้อ จะซน และขี้งอนไปบ้างก็ตาม โดยห้องที่เราจะได้อยู่นั้นคือชั้น 2 มีห้องน้ำในห้องนอน เปิดประตูห้องออกมาเป็นห้องครัว และห้องนั่งเล่น มีระเบียงให้สูดอากาศ สบายไปอีก ที่สำคัญที่สุด ถ้าเราจะอยู่กับพี่เขา เขาจะลดค่าเช่าห้องให้ โดยปกติ พี่เขาจะปล่อยห้องนี้ในราคา AUD$140 per week แต่เขาจะคิดเราเท่ากับที่พี่เจ้าของบ้านหลังเก่าคิด ก็คือ AUD$125 per week แต่ไม่รวมบิลนะคะ ถ้ารวมบิลก็บวกไปอีก เดือนละประมาณ AUD$50 เราก็ไม่รีรอที่จะตอบตกลง เรารีบเอาทันที จะรอช้าอยู่ทำไม ใช่ไหมล่ะคะ!! แถมด้วยพี่เขาจะมารับที่สนามบินอีก ชีวิตดี้ดี

 

ก่อนเดินทางพี่เขาก็ยังให้แนะนำว่าถ้าถึงเมลเบิร์นแล้วให้ต่ออินเตอร์เน็ตแล้วโทรไลน์มาหาพี่ได้เลย พอมาถึงบ้าน พี่เขาเตรียมที่นอน ห้องหับให้อย่างเรียบร้อย พร้อมกับอาหารกลางวัน แล้วให้เราเข้าไปพักผ่อน เนื่องจากมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล หลังจากตื่นมาเกือบเย็นๆ ก็มีอาหารเย็นพร้อมเสริฟ พวกพี่เจ้าของบ้านใจดีกับเรามากๆ เลี้ยงดูให้คำแนะนำเราประหนึ่งว่าเป็นลูกเขาอีกคน พาไปเที่ยว ช่วยหางาน พาไปซื้อของ ชวนไปเดินเล่น และมีอีกหลายกิจกรรมที่เราได้ทำร่วมกัน พร้อมกับเด็กน้อยลูกครึ่งผู้น่ารักน่าชัง พูดเก่ง ชอบมาเล่นด้วยเป็นประจำ แล้วเราก็อยู่บ้านโดยไม่ข้อผูกมัดใดๆ ไม่มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร มีแค่สัญญาใจต่อกัน แต่โดยปกติ เรื่องสัญญาเช่าบ้าน ถ้าเป็นคนไทยด้วยกันเราก็ไม่ค่อยเห็นใครทำสัญญาเป็นกระดาษสักเท่าไหร่นะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาใจกันซะมากกว่า ก็จะมีการจ่ายมัดจำ หรือที่เรียกกันว่า ค่า bond นั่นแหละคะ และการเก็บค่าบ้านก็เป็นไปตามตกลง ว่าจะจ่ายเป็นรายอาทิตย์, ราย 2 อาทิตย์ หรือรายเดือน แล้วถ้าต้องการจะย้ายออกก็จะต้องบอกล่วงหน้าก่อนวันออก อย่างต่ำ 2 อาทิตย์ ถึง 1 เดือน แล้วแต่ตามตกลงnight in suburb

นี่แหละค่ะ ประสบการณ์หาที่พักหลังแรกในเมลเบิร์น ได้พบเพื่อนใหม่ๆ รู้จักอะไรใหม่ๆ และนอกเหนือจากสิ่งอื่นใด มิตรภาพและน้ำใจจากคนไทยด้วยกันในต่างแดนนี่ล่ะค่ะ สุดยอดมากๆ ขอบคุณนะคะ

ครั้งหน้าจะมาขอเล่าประสบการณ์ แชร์บ้านอีกเช่นเคย แต่เป็นใจกลางเมืองเมลเบิร์น จะเป็นอย่างไร หวังว่าบทความนี้จะสามารถช่วยผู้อ่านในการตัดสินใจเลือกหาบ้านในเมลเบิร์นตาม life style ของตัวเองได้นะคะ

 

โดย YarraRoom

หากท่านใดสนใจลองหาบ้านแชร์ได้ใน forum ของเว็บได้ที่นี่ http://dekaus.com/forums/forum/หาบ้านหาช่อง/

 

 

Tags

Leave a Reply

Back to top button
Close