Featured Articlesเที่ยวไปในเมลเบิร์น

ปีนเขาชมทางช้างเผือก ส่องจิงโจ้ ที่ Wilsons Promontory

Wilsons Promontory : ชมทางช้างเผือก ส่องจิงโจ้ ย่ำทะเลทราย และ บรรยากาศสุดโรแมนติกยามอาทิตย์อัศดง

รีวิวทริปในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณคุณแมวกับพระจันทร์และผู้เขียนแห่ง pantip.com ที่ได้จัดทริปกับเพื่อนๆ และแชร์ประสบการณ์เที่ยว Wilsons Promontory ขอบอกว่าที่นี่ครบเครื่องจริงๆ จะมากับเพื่อนหรือครอบครัวก็ดี มากับแฟนก็แสนโรแมนติก ที่สำคัญ! ห่างจากเมลเบิร์นเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น สำหรับทริปหน้า ใครยังไม่มีแพลนอะไร ลองเก็บแหลมวิลสัน ไว้ในใจนะจ๊ะ พร้อมแล้วตามไปอ่านกันเล้ย

เรากำลังเรียนอยู่ที่เมลเบิร์นค่ะ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นช่วงวันหยุดมิดเทอม เลยได้โอกาสฟอร์มทีมกับเพื่อนๆไปเที่ยวกัน รีวิวนี้เพื่อนเราเป็นคนเขียนค่ะ พอดีเห็นว่าไม่ค่อยมีใครรีวิวเที่ยวที่นี่ในพันทิปเท่าไร เลยเอามาลงไว้เป็นทางเลือกของคนที่มาเที่ยวแถวนี้ เพราะเป็นที่ที่ไปง่าย เดินทางไม่กี่ชั่วโมงจากเมลเบิร์น แถมยังมีภูมิประเทศหลากหลายแบบในอุทยานให้เลือกเข้าชมค่ะ (แต่รูปไม่เยอะนะคะ พอดีตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะรีวิว เลยไม่ค่อยได้ถ่ายวิว)นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของเราและเพื่อน ผิดถูกยังไงชี้แนะได้นะคะ

ภาพจาก Visit Melbourne (2017)
wilsons promontory
ภาพจาก Visit Melbourne (2017)

(1) Wilsons Promontory

หรืออุทยานแห่งชาติแหลมวิลสัน เป็นจุดที่อยู่ใต้สุดของ Mainland ออสเตรเลีย ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงจากเมลเบิร์น ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 157 กิโลเมตร  (ทางเดียวกับเกาะฟิลลิป) ก็จะถึงครับ

Wilsons Promontory
Credit: http://www.lighthouses.org.au/lights/Vic/Wilsons%20Promontory/PromMap.gif

 

Wilsons Promontory (คนออสเตรเลียเรียกชื่อสั้นๆว่า Wilsons Prom ไม่ก็ The Prom) เป็นอุทยานที่มีส่วนผสมทั้งป่าฝน ชายหาด ความหลากหลายของสัตว์ป่า และขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางเดินป่า หรือ Bush Walk ตามแบบฉบับของออสเตรเลีย ที่นี่มีรูทให้เลือกเดินทั้ง Short Walk-Long Walk มากกว่า 30รูท และมีชายหาดมากกว่า 10 หาด เรียงรายภายในอุทยาน

ขนาดของอุทยาน Wilsons Prom นั้นอยู่ที่ 195 ตารางกิโลเมตรครับ หากเทียบกับอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดที่ประจวบฯ ซึ่งมีทั้งทะเล-ภูเขา คล้ายๆกันแล้ว ที่นี่จะใหญ่กว่าราว 1 เท่าตัว

(2) ก่อนจะออกเดินทาง เราแวะกันที่ Emerald Lake

ซึ่งเป็นปลายทางของรถไฟห้อยขา Puffing Billy กันก่อน ช่วงที่ไปเป็นช่วงกลางๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพอดี เลยได้วิวสวยงามอย่างที่เห็น

เราไม่ได้จองตั๋วรถไฟไว้ล่วงหน้า และการจะขึ้นรถไฟไป-กลับ นั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน เลยดิ่งตรงมายังสถานีปลายทาง เพื่อเก็บภาพใบไม้แดงกันครับ

Emerald Lake จะใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมงจากเมลเบิร์น ออกมาทาง Southeast เช่นกัน โดยจะอยู่ในเขตที่เรียกว่า Dandenong Range ซึ่งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกหลายแห่ง

(3) จาก Emerald Lake เรามุ่งตรงไปเช็คอิน ณ ที่พักที่เมือง Foster

ก่อนถึง Foster เราแวะกินข้าวกลางวันและจ่ายเสบียงกันที่เมือง Leongatha กันเสียก่อน ที่นี่เป็นเมืองสุดท้ายที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่อย่าง Woolworths ครับ หลังจากนี้จะไม่มีแล้ว

Foster ถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนจะเข้าเขตอุทยาน Wilsons Promontory โดยจากที่พัก เราต้องใช้เวลาอีกราว 50 นาที ถึงจะเข้าไปยังอุทยาน

ที่พักชื่อ Prom Central Caravan Park เป็นแบบ Cabin มีครัว-อุปกรณ์ทำครัวพร้อม แต่ต้องหอบผ้าห่มไปเองครับ

แดดร่มลมตกแล้ว เราก็เข้าไปลุย Wilsons Prom กันครับ

(4) รูทแรกของเราเป็นการเดินขึ้นเขาที่ชื่อ Mount Oberon 

ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของอุทยาน ซึ่งจะมองเห็นวิวแบบ 360 องศา ทางเดินขึ้นง่ายๆ ไม่ชัน และมีสัญญาณโทรศัพท์ตลอดทาง จะมีตื่นเต้นกันอยู่บ้างช่วงท้ายๆที่ต้องปีนหิน แต่ไม่ยากเลยครับ

ระยะทางไปยังยอดเขา ไปกลับอยู่ที่ประมาณ 3.4 กม. เดินสบายๆจากลานจอดรถขึ้นไปใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครับ

เร่งฝีเท้ากันสักหน่อยเพื่อให้ทันช่วงพระอาทิตย์ตก เรามาเก็บภาพ Magic Hour กันด้านบน สวยมากครับ

Wilsons Promontory
เป้าหมายไม่ได้มีแค่นั้นฮะ เพราะเราเอาสิ่งที่เรียกว่า “ขาตั้งกล้อง” มาเก็บภาพดาวด้วย วันนี้ฟ้าค่อนข้างเปิด และไหนๆ ก็อยู่จุดใต้สุดของ Mainland ออสเตรเลียแล้ว จะพลาดได้อย่างไรจริงไหมล่ะครับ

สักทุ่มหนึ่ง เจ้าทางช้างเผือกก็โผล่มาให้เราเห็น ใกล้เหมือนกับจะสัมผัสได้ทีเดียว

ใครมาถ่ายดาวที่นี่ อย่าลืมพกไฟฉายมาด้วยนะครับ ตอนลงมืดมากทีเดียว

ออ ข้างบนไม่มีห้องน้ำนะครับ คุณผู้หญิงระวังเรื่องการขับถ่ายด้วย

(5) วันต่อมา เราเลือกรูท “ทะเลทราย” 

ที่นี่มี Sand Dune หรือ “เนินทราย” ขนาดใหญ่ชื่อว่า The Big Drift

Sand Dune จะเกิดจากทรายชายหาดที่ถูกลมพัดขึ้นมาจนกองทับถมกันจนสูงครับ เนินทรายที่นี่เป็นแบบเดียวกับ Tottori ที่ญี่ปุ่น และที่ มุยเน่ เวียดนาม ที่คนไทยเราชอบไปเที่ยวกันนั่นเอง

ใช้เวลาเดินเกือบๆ ชั่วโมง (อย่าลืมพกน้ำดื่มไปเยอะๆ นะครับ) ผ่านภูมิประเทศที่สวยงาม และปีนเขากันเล็กน้อย เราก็มาถึงเนินทราย The Big Drift เรียบร้อยครับ

ไม่มีรถจี๊ป ไม่มีอูฐให้ขี่ มีแต่เนินทรายเปล่าๆ นี่ล่ะครับ ดิบๆ ตามสไตล์ออสเตรเลีย แต่ก็สวยงามทีเดียว เราใช้เวลาถ่ายรูปนานพอสมควร ก็ออกเดินทางต่อครับ

ขากลับจำทางกลับไว้ให้ดีนะครับ ที่นี่หาป้ายหรือสัญลักษณ์บอกทางอื่นยากมาก หากหลงนี่ไม่อยากนึกเลย

(6) ภายในอุทยานมีร้านอาหารกับมินิมาร์ทเล็กๆ ที่เดียวนะครับ

อยู่บริเวณ Tidal River ซึ่งเป็นจุดกลางเตนท์และจุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดนิยมเพื่อไปยังหาด Squeaky Beach อีกด้วย เส้นทางต่อไป เราเลือกไปชมเส้นทางศึกษาสัตว์ป่า Prom Wildlife Walk กันครับ

จุดนี้เป็นทางเดินสั้นๆ ใช้เวลาราว 45 นาที มีให้ชมทั้ง อีมู จิงโจ้ พอสซัม วัลลาบี (ผมบังเอิญเห็นเจ้า ดิงโก้ 1 ตัวด้วย)

จุดนี้จะต่างกับสวนสัตว์ทั่วไปก็ตรงที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความเป็นอยู่ของสัตว์แปลกๆในออสเตรเลียกันจริงๆ รวมถึงได้ใกล้ชิด แบบเรียกได้ว่ายื่นมือยื่นหน้าเข้าไปแตะได้ทีเดียว

(7) ก่อนพระอาทิตย์จะตก เราแวะไปเก็บภาพกันที่ Squeaky Beach 

หาดแห่งนี้เป็นที่นิยมของบรรดานักเล่นเซิร์ฟทั้งหลาย แต่เท่าที่เห็นคลื่นแรง และน้ำเย็นมากทีเดียว สวยดีครับ

ออกจากหาด เราก็มุ่งหน้ากลับเมลเบิร์นกันครับขับกลางคืนใช้เวลาสามชั่วโมงกว่าๆ เหมือนเดิมก็ถึงครับ

ยังมีอีกหลายรูทที่น่าสนใจที่เราไม่ได้ไปครับ หากมีโอกาสคงได้ไปสำรวจอีก

ขอบคุณมากที่ติดตามนะครับ

 

ตามไปอ่านกระทู้พันทิพย์ของคุณแมวกับพระจันทร์ต้นฉบับ ที่นี่

Tags

Leave a Reply

Back to top button
Close