ทำธุรกิจในออสเตรเลีย จดทะเบียนอย่างไรดี?
สวัสดีค่ะ ทนายเพื่อคนไทย (Lawyers For Thai) มีสาระดีๆมาฝากเช่นเคยค่ะ หลายๆท่านที่อยากจะเป็นเจ้าของกิจการหรือ ทำธุรกิจในออสเตรเลีย อาจจะสงสัยว่า ถ้าจะเปิดร้านนวด หรือ ร้านอาหารสักร้าน เราควรจดทะเบียนเป็นการค้า/ชื่อธุรกิจ (Business Name) หรือ ควรจดทะเบียนบริษัท (Company) ดีกว่าค่ะ ทนายเพื่อคนไทย (Lawyers For Thai) มีข้อแนะนำดีๆง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาฝากค่ะ
การจดทะเบียนในประเทศออสเตรเลียนั้นนะคะ คุณสามารถจดทะเบียน ในนาม บริษัท (Company) หรือ จดทะเบียนเฉพาะชื่อธุรกิจ (Business Name) ก็ได้นะคะ การจดทะเบียนดังกล่าวในปัจจุบันนี้จะต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานที่ชื่อ ASIC: Australian Securities and Investments Commission เท่านั้นค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้จดทะเบียน มักจะจดทะเบียนผ่านตัวแทนต่างๆ เช่น สำนักงานทนายความ หรือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี หรือ สามารถดำเนินการด้วยตัวเองได้นะคะ
ความแตกต่างระหว่าง การจดทะเบียนชื่อธุรกิจ (Business Name) และ การจดทะเบียนบริษัท (Company) เมื่อทำธุรกิจในออสเตรเลีย
มีข้อแตกต่างดังนี้ค่ะ
- ถ้าคุณดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อการค้าหรือชื่อธุรกิจ (Business Name) คุณจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบภาระผูกพันในธุรกิจนั้นๆโดยตรงค่ะ และไม่ว่าธุรกิจจะได้กำไรหรือขาดทุน คุณคือผู้รับผิดชอบโดยตรง เราเรียกกันว่า Sole Trader ค่ะ การตัดสินใจในการดำเนินการบริหารและผลกำไรขาดทุนทุกอย่างจะเป็นของผู้ดำเนินการหรือเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวค่ะ
- ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อการค้าหรือชื่อธุรกิจ (Business Name) นั้น คุณสามารถมีผู้ร่วมลงทุนในธุรกิจได้นะคะ คือ ร่วมกันเป็นเจ้าของและรับผิดชอบภาระผูกพันในธุรกิจด้วยกันค่ะ หรือที่เรียกว่า Partnership ดังนั้นอำนาจในการตัดสินใจ และ การแบ่งผลกำไรก็จะถูกแบ่งออกไปโดยเท่าเทียมกัน แต่ถ้าคุณได้เขียนสัญญา ที่เรียกว่า Partnership Agreement เป็นตัวกำหนดการแบ่งผลกำไร และ การลงทุนเอาไว้ การแบ่งผลกำไรขาดทุนก็จะถูกแบ่งตามสัดส่วนที่ได้กำหนดไว้ในสัญญานะคะ
- ส่วนในการจดทะเบียนบริษัท (Company) นั้น ทางกฎหมายถือว่า บริษัทคือ บุคคลที่กฎหมายสมมติขึ้นเพื่อให้มีความสามารถ มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบได้ตามกฎหมายเหมือนกับบุคคลธรรมดา นะคะ การจดทะเบียนบริษัท(Company) จึงเป็นหนทางในการทำธุรกิจที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะพึงกระทำค่ะ การจดทะเบียนบริษัท (Company) นั้น นักลงทุนมักจะเป็นผู้ถือหุ้น (Shareholder) และ หาผู้จัดการบริษัทหรือ ผู้จัดการธุรกิจมาช่วยบริหารหรือทำธุรกรรมต่างๆในบริษัทแทนค่ะ หรือ ที่เรียกว่า Director ค่ะ ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทุนหรือผู้ถือหุ้น (Shareholder) ของบริษัทยังสามารถเป็นบุคคลเดียวกันกับ Director ได้ด้วยนะคะ
- การจดทะเบียนบริษัทนั้นจะเป็นการลดความเสี่ยงหรือผลกระทบที่จะมาถึงตัวนักลงทุนได้ค่ะ เพราะถ้าธุรกิจไม่สามารถดำเนินได้อย่างที่คาดหวังไว้ นักลงทุนสามารถปิดตัวบริษัทที่ดำเนินการ หรือ เปลี่ยนผู้บริหารจัดการได้ค่ะ
- การจดทะเบียนบริษัทนั้นจะมีข้อดีอีกอย่างคือ ถ้านักลงทุน หรือ ผู้ถือหุ้นเสียชีวิตหรือ มีข้อจำกัดในการลงทุน บริษัทเองสามารถดำเนินการหาผู้ลงทุนหรือผู้ถือหุ้นรายใหม่ได้ค่ะ โดยไม่จำเป็นต้องปิดตัวเองลงไปค่ะ
- การจดทะเบียนบริษัท รวมถึงการดำเนินการภายใต้บริษัท (Company) นั้น เป็นการลงทุนระยะยาวที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่า การจดทะเบียนชื่อการค้าหรือชื่อธุรกิจ (Business Name) นะคะ ดังนั้น ทนายเพื่อคนไทย (Lawyers For Thai)จึงอยากให้นักลงทุนทุกท่านคำนวณค่าใช้จ่ายและทำแผนการเงิน (Financial Plan) รวมทั้งเรียนรู้ในเรื่องการลดหย่อนภาษี และ การชำระภาษีที่ถูกต้อง ก่อนที่จะทำการลงทุนด้วยนะคะ
- อีกอย่างหนึ่งค่ะ บริษัท (Company) สามารถเป็นจดทะเบียนเป็นเจ้าของชื่อการค้าหรือชื่อธุรกิจ (Business Name) ได้นะคะ
- ที่สำคัญคุณจะต้องมีเลข ABN ก่อนที่จะจดทะเบียนชื่อการค้าหรือชื่อธุรกิจ (Business Name) นะคะ
ถ้าท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามหรือปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ ทนายเพื่อคนไทย (Lawyers For Thai) ยินดีให้บริการค่ะ หรือ ศึกษาจาก website ของ ASIC (http://asic.gov.au/) ได้นะคะ สวัสดีค่ะ