Easter Days In Melbourne
เทศกาลอีสเตอร์ในเมลเบิร์น
Easter Days In Melbourne
สวีดัด สวัสดีคร้าบบบบ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้กระผมจะนำทุกท่านเข้าสู่เทศกาลที่สำคัญของชาวคริสเตียนกันครัช ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้ง และเทศกาลนั้นก็คือ “อีสเตอร์”[Easter] เป็นการฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์จากความตาย และยังเป็นวันที่สำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์จนได้รับการขนานนามว่า “เป็นวันเริ่มต้นใหม่ของชีวิต” โดยแต่ละปีจะมีการกำหนดไว้ว่าจะ ฉลองวันอีสเตอร์ในวันอาทิตย์แรกหลังจากพระจันทร์เต็มดวงโดยจะนับเวลาหลังจากเที่ยงคืนของฤดูใบไม้ผลิ[Spring] ซึ่งจะอยู่ในช่วงหลังวันที่ 21 มีนาคมถึง 25 เมษายนของทุกๆปี ชาวคริสเตียนนิกายออร์โธดอกซ์ในประเทศกรีซทั้งหลายจะคำนวณวันอีสเตอร์จากการใช้ปฏิทินจูเลียน แต่สำหรับชาวคริสเตียนในประเทศอื่นๆ วันอีสเตอร์ขึ้นอยู่กับการประมาณการของคณะโบสถ์ในช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนในเดือนมีนาคม ในปี 325 สภาของประเทศไนซีอาได้ตัดสินว่าวันอีสเตอร์จะตรงกับวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงหรือหลังวันที่เวลากลางวันและกลางคืนเท่ากันในเดือนมีนาคม เทศกาลอีสเตอร์ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญเพราะชาวเมลเบิร์นส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงวันอีสเตอร์ กระผมจะนำท่านไปรู้จักกับวันศุกร์ประเสริฐ หรือวันที่ชาวคริสเตียนเรียกว่า Good Friday กันก่อน
วันศุกร์ประเสริฐ[Good Friday]
เป็นวันที่พระเยซูและพระอัครธรรมทูต เดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อประกอบพิธี Passover ซึ่งเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว โดยเป็นหนึ่งที่ชาวยิวจะรำลึกถึงการที่ชาวฮิบรูได้รับการปลดปล่อยจากความเป็นทาส หลังจากอาหารค่ำในพิธี Passover พระเยซูทรงถูกจับกุมและถูกนำไปตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งอาหารมื้อนั้นถือเป็นมื้อสุดท้ายหรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า “The last supper” [ปัจจุบัน สามารถเข้าชมภาพวาด The Last Supper ของ Leonardo Da Vinci ได้ที่วัด Santa Maria delle Grazia ในกรุง Milan ประเทศอิตาลี ]หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน พระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
Saturday before Easter Sunday หรือ Holy Saturday
เรียกอีกชื่อว่า “วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์” โดยวันนี้จะเป็นวันที่ร่างกายของพระเยซูถูกเก็บใส่โลง และเก็บร่างอันไร้ลมหายใจเอาไว้ภายใต้อุโมงค์ ถ้าย้อนเวลากลับไปในวันนั้น คงเป็นวันที่ชาวคริสเตียนเสียใจเป็นที่สุด โดยในวันนี้ชาวคริสต์จะเริ่มจัดเตรียมการเฉลิมฉลองมี่กำลังจะเกิดขึ้น และโบสถ์บางแห่งจะมีการจัดงานการสวดมนตร์พร้อมทั้งจุดเทียนสีขาว เพื่อเป็นการจุดไล่ความมืดออกไป และหลังจากมีการสวดมนตร์แล้วบางนิกายจะมีการทำพิธีศีลล้างบาปอีกด้วย
หลังจากที่เราได้รู้จักกับวันศุกร์ประเสริฐและวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว กระผมขอพาทุกท่านเข้าสู่วันอีสเตอร์ โดยเราจะเรียกวันอีสเตอร์ว่าวัน Easter Sunday
Easter Sunday
ทำไมถึงต้องเรียกว่า Easter Sunday เพราะว่า วันอีสเตอร์เป็นวันที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพ หลังจากที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์ หลังจากนั้น 2 วัน ก็ได้กำเนิดวันเฉลิมฉลองการฟื้นคืนชีพของพระเยซู หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า “Easter Day’s” และวันสุดท้ายสำหรับเทศกาลอีสเตอร์นั้นก็คือ “Easter Monday” โดยวันนี้สำหรับชาวเมลเบิร์นและชาวออสเตรเลียทุกท่านยังถือว่าเป็นวันหยุดอยู่นะครับ และหลายๆคนยังถือว่าวันนี้เป็นวันฉลองการฟื้นคืนชีพ เช่นเดียวกับวัน “Easter Sunday”
สัญลักษณ์ในวันอีสเตอร์
- ไข่อีสเตอร์ หมายถึง การเริ่มต้นชีวิตใหม่
- ดอกลิตเติ้ลเดซี่ หมายถึง การกลับมาของฤดูใบไม้ผลิ แม้บางแห่งดอกไม้นี้จะออกดอกเกือบทั้งปี แต่เดือนที่มีการเบ่งบานมากที่สุด คือช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม นอกจากนี้ยังมี ดอกลิลลี่สีขาว ที่มีเชื่อมโยงกับเทศกาลอีสเตอร์เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์
- กระต่าย หมายถึง สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และเปรียบเสมือนผู้ส่งสารของอีสเตอร์ กระต่ายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเทศกาลอีสเตอร์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
- ผีเสื้อ หมายถึง สื่อความหมายถึงชีวิตใหม่ วันหนึ่งดักแด้กลายเป็น ผีเสื้อบินไปเพื่อแจกจ่ายพรไปสู่โลกกว้าง
- เทียนปัสกา (Paschal Candle) เทียนสีขาวขนาดใหญ่ ชาวคริสต์จะเริ่มฉลองเทศกาล ด้วยการจุดเทียนปัสกา เพื่อรำลึกถึงการฟื้นคืนชีพแสงสว่างที่ออกมาจากอุโมงค์ที่มืดมิด
ในเทศกาลอีสเตอร์นั้น ชาวคริสเตียนจะให้ความสำคัญต่อการเข้าโบสถ์เพื่อระลึกถึงพระเยซูในวันที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ ในวันต่อมาชาวคริสต์จะไปโบสถ์เพื่อล้างบาปและจุดเทียนปัสกา[Saturday Easter]และขอพรในวันเริ่มต้นใหม่[Sunday Easter] เมื่อเสร็จสิ้นพิธีจากโบสถ์ ส่วนใหญ่ชาวคริสเตียนจะให้ความสำคัญต่อครอบครัว เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว แต่ละครอบครัวจะมีโปรแกรมในแต่ละวันเพื่อสานความสัมพันธ์ให้แน่นยิ่งขึ้น แต่สำหรับเด็กๆแล้ว วันอีสเตอร์สำคัญรองลงมาจากคริสต์มาสเลยครัช เพราะเด็กๆจะได้รับของขวัญจากคนในครอบครัว [น่าอิจฉาจุง อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง!!!] คนไทยในเมลเบิร์นลองไปเที่ยวกันดูนะครัชผม เทศกาลนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว สำหรับบทความหน้ากระผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ไหน ต้องรอติดตามกันดูนะครัช